วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สถานที่เที่ยว จังหวัดกาญจนบุรี และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย

สถานที่เที่ยว จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ทำให้ชาวกรุงผู้อยู่ห่างจากป่าเขาลำเนาไพร แวะเวียนมาชมบรรยากาศที่มิอาจหาได้ในเมืองกรุงอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับแหล่งท่องเที่ยวกาญจนบุรีนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือ สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเมืองกาญจน์ และสถานที่เที่ยวรอบนอก
ใครที่คิดมาเมืองกาญจน์แล้วมีเวลาเพียงน้อยนิด ไม่คิดจะพักค้างคืน อาจทำได้เพียงท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจน์ หรือน้ำตกไม่ไกลตัวเมือง แต่ถ้าให้สะใจนักลุยที่ชอบป่าเขาลำเนาไพร หรือผู้ที่ต้องการพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ แล้วละก็ คงต้องวางแผนพักแรมสักคืนสองคืน เพื่อให้ได้ดื่มด่ำธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม
เมืองกาญจน์ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังเป็นผืนป่าหนาแน่น (แม้จะโดนถากถางทำลายป่าไปบ้างแล้ว) มีแม่น้ำสองสายสายไหลผ่าน คือแควใหญ่ และแควน้อย ที่นอกจากจะเป็นเส้นเลือดแดง หล่อเลี้ยงจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดทางปลายน้ำแล้ว ยังเป็นแม่น้ำที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดกาญจนบุรี เพราะแม่น้ำทั้งสองสาย ไหลมาจากต้นน้ำเหนือเขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ ผ่านป่าและธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อน ชมธรรมชาติริมลำน้ำ
สถานที่เที่ยว จังหวัดกาญ


 
เที่ยวตัวเมืองและรอบเมือง
สำหรับคนที่มีเวลาน้อย ต้องการมาเที่ยวเมืองกาญจน์ แบบเที่ยวชมเมืองบริเวณโดยรอบ และวัดวาอาราม จังหวัดกาญจนบุรีก็มีสถานที่เที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหลายแห่ง แต่สถานที่เที่ยวหลัก ที่ทุกคนที่มาเที่ยวแถวตัวเมืองกาญจน์จะพลาดไม่ได้เลย ก็คงจะเป็น สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่ทุกวันนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์เมืองกาญจน์ไปแล้ว เรียกได้ว่าใครมาเมืองกาญจน์แล้ว ไม่ได้มาที่นี่ละก็ เหมือนกับมาไม่ถึงเมืองกาญจน์เลยทีเดียว
แต่นอกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ว สถานที่เที่ยวใกล้ตัวเมือง จะมีอยู่หลายแห่งที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ให้รำลึกถึงยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นำเอาวัตถุอุปกรณ์ และภาพวาดต่าง ๆ ในสมัยนั้นมานำเสนอนักท่องเที่ยวก็ดี หรือจะเป็นสุสานที่เป็นอนุสรณ์ ให้รำลึกถึงอดีตที่โหดร้ายก็ดี สถานที่เหล่านี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าเยี่ยมชมอยู่เสมอ
สถานที่เที่ยวบริเวณตัวเมืองกาญจน์นั้น ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะยังมีสถานที่ ๆ แสดงให้เห็นถึงศิลปะและวัฒนะธรรม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ให้เราได้เยี่ยมชมอีกหลายแหง่ด้วยกัน เช่น วัดถ้ำเสือและวัดถ้ำเขาน้อย (อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจน์) วัดถ้ำมังกรทอง หาดทรายท่าล้อ และหาดทรายชุกโดน (ก่อนเข้าตัวเมืองรวมถึงสถานที่อื่นๆ อีกมากที่สามารถไปเที่ยวแบบ ไปเช้า เย็นกลับได้ 
เที่ยวนอกเมือง
บริเวณทะเลสาบเหนือเขื่อนเอง ก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมาพักแพพัก เพื่อชมวิวทะเลสาบเหนือเขื่อน ทำกิจกรรมทางน้ำเช่น ล่องแพเปียก เล่นน้ำและเครื่องเล่นต่างๆ
แหล่งน้ำที่สำคัญอีกรูปแบบหนึ่ง คือน้ำจากแหล่งตาน้ำในป่า และบนภูเขา ที่เป็นต้นน้ำของน้ำตกมากมาย น้ำตกแต่ละแห่งมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป เช่นน้ำตกไทรโยคใหญ่ ถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยแปลกตา เพราะสายน้ำไหลลงมายังแม่น้ำ เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ล่องแพมาเที่ยวน้ำตก น้ำตกเอราวัณ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงาม มีน้ำตลอดปี น้ำใสเป็นสีฟ้า มีปลาอาศัยอยู่มากมาย
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตนเอง
สำหรับนักสำรวจถ้ำ ที่ชอบค้นหาความตื่นเต้น กาญจนบุรีเป็นเมืองที่มีภูเขาหินปูน จึงเต็มไปด้วยถ้ำมากมายซุกซ่อนอยู่ตามหุบเขา และผาต่างๆ ที่ขึ้นชื่อสำหรับนักท่องเที่ยวก็มี ถ้ำธารลอด ในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ หรือถ้ำพระธาตุ เขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ
คนที่ชอบสัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์ นอนเต็นท์ ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น นั่งจ้องพระอาทิตย์ตก ชอบผจญภัย สะใจกับความลำบาก ก็มีแหล่งที่เที่ยวอีกหลายแห่ง ที่ต้องการคนอึดเข้าไปสัมผัสเช่น เขาสันหนอกวัว เขาช้างเผือก น้ำตกผาสวรรค์ และน้ำตกน้องใหม่อย่างน้ำตกภูเตย เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
 
ถ้าจะเอ่ยถึงจังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ กาญจนบุรี คงเป็นชื่ออันดับต้น ๆ ที่พุ่งเข้ามาอยู่ในหัวแน่นอน ด้วยภูมิประเทศที่เป็นที่ราบเชิงเขา ทำให้มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์หลากหลาย ก่อเกิดสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งยอดเขาสูง
 
 
 
วัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้่อย รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพร
วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา ในตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง เป็นอำเภอที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา ต่อมาได้แรงศรัทธาจากชาวบ้าน ร่วมกันสร้างและบูรณะ จนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โต และมีความวิจิตรงดงาม
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ผ่านอำเภอบ้านโป่ง เข้าถนนแสงชูโต จะผ่านแยกมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ จากนั้นพอถึงแยกท่าม่วง เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอท่าม่วง ผ่านหน้าโรงพยาบาลท่าม่วง วนวงเวียนหอนาฬิกา เพื่อเลี้ยวซ้ายไปถนนเลียบคลองชลประทาน เจอสามแยก เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร (มีป้ายบอกทาง) ให้วิ่งไปทางเดียวกับวัดม่วงชุม พอเลยวัดม่วงชุมไปจะเห็นทางเข้าวัดถ้ำเสือ อยู่ทางซ้ายมือ
เขาช้างเผือก อ.ทองผาภูมิ 
 
เขาช้างเผือก เป็นที่เที่ยวสำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ชอบผจญภัย พิชิตยอดเขาสูง ยอดเขาช้างเผือกสูงตระหง่าน รอให้มาพิสูจน์ความกล้ากัน โดยเฉพาะจุดของสันเขาที่หวาดเสียวที่สุดที่เรียกว่า “สันคมมีด”
เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ บนยอดเขามีลักษณะเป็นภูเขาหญ้า มีหินบ้างตามสันเขา การเดินทางไปยังยอดเขาช้างเผือก จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนรายชื่อคนที่ขึ้นเขา ในแต่ละวันทางอุทยานฯ มีการจำกัดคนบนเขาไว้ที่ 60 คน เพราะพื้นที่กางเต็นท์บริเวณยอดเขามีพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาแบบ 1 คืน 2 วัน
การเดินขึ้นสู่เขาช้างเผือกจะเริ่มจากบริเวณหลังหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงในการเดินขึ้นไปจนถึงจุดกางเต็นท์ เดินช่วงแรกจะผ่านป่าโปร่งๆ เป็นเนินเขาเตี้ยบ้าง สูงบ้าง เป็นเนินทุ่งหญ้าที่มีวิวสวยๆ ระหว่างทางให้ถ่ายรูป ช่วงนี้แดดค่อนข้างร้อน จากนั้นก็จะเป็นการเดินตามเชิงเขาบ้าง สันเขาบ้าง ช่วงนี้จะเป็นทุ่งหญ้าความสูงพอท่วมหัว แล้วจึงจะถึงจุดตั้งแคมป์
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงเข้าอำเภอทองผาภูมิ (เส้นทางจะต่อกับเส้น 3272 เลย) วิ่งผ่านตัวอำเภอ (ตัวอำเภออยู่ทางขวา) เลียบอ่างเก็บน้ำในเขื่อนไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านไร่-ปิล๊อก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปิล๊อก จากจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ประมาณ 24 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ทางขวามือ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร 034-532-114, 034–510-979
สะพานมอญ อ.สังขละบุรี
สะพานมอญ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทยในดินแดนสุดขอบประเทศแห่งนี้
การเที่ยวชมสะพานมอญ ควรแวะเดินชมตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะช่วงเวลา 6.00 – 7.00 น. เป็นช่วงที่ได้เห็นวิถีชีวิตชาวมอญ ใส่บาตรพระทุกเช้า หากนักท่องเที่ยวต้องการใส่บาตร ก็มีอาหารขายบริเวณหมู่บ้านมอญ สายๆ หากเดินข้ามฝั่งไปยังหมู่บ้านมอญ ก็สามารถเที่ยวชมบ้านเรือนในแบบชาวมอญ ซื้อของที่ระลึก หรือจะแวะชิมขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย ที่เป็นอาหารพื้นบ้านชาวมอญก็ได้
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนเข้าตัวอำเภอทองผาภูมิ มีสามแยก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) ผ่านวัดท่าขนุน ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม สะพานข้ามแม่น้ำรันตี
ก่อนเข้าตัวอำเภอสังขละบุรีมีทางแยก ตรงไปทางอำเภอสังขละบุรี (จะมีป้ายบอกเป็นทางไปวัดวังก์วิเวการาม) วิ่งผ่านตัวอำเภอสังขละบุรี ข้ามสะพานซองกาเลีย แล้วจึงจะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ สุดซอยจะเป็นสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) สุดซอยซ้ายมือจะมีที่สำหรับจอดรถแบบเสียค่าจอด (ประมาณ 20 บาท)
วัดจมน้ำ เมืองบาดาล อ.สังขละบุรี
วัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ
ในช่วงหน้าแล้ง ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม น้ำในแม่น้ำลดลงมากจนสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าได้ สิ่งที่เหลือไว้ให้เห็น เป็นส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็น ภายในผนังโบสถ์ยังมีให้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็น เป็นลายซุ้มองค์พระพุทธรูปอยู่ตามผนัง แต่เดิมมีทั้งหมด 2500 องค์ แต่ก็มีหลายส่วนที่หลุดหายออกไปเพราะโดนน้ำเซาะบ้าง หรือหลุดหล่นลงมาแตกเองบ้าง
ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ
 
 
จุดชมวิวป้อมปี่ เป็นสถานที่ชมวิวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมที่หลายๆ คนพูดถึงว่าเป็นจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม โรแมนติก และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตก เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่ลำบากมาก มีบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ มองเห็นท้องน้ำของอ่างเก็บน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทิวทัศน์ภูเขาอยู่ไกลสายตาออกไป หน้าหนาวได้เห็นไอหมอกละเลียดตามผิวน้ำ จนหลายคนคิดไปว่ากำลังนอนอยู่ที่ปางอุ๋งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เลยทีเดียว
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ มีสามแยก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) จะผ่านวัดท่าขนุน น้ำตกเกริงกระเวีย น้ำตกไดช่องถ่อง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาแหลม(เกริงกระเวีย) เลยจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะพบทางเข้าจุดชมวิวป้อมปี่อยู่ทางซ้ายมือ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร.086-131-3443(ป้อมปี่) 034-546-819, 034-532-099
มหาถ้ำลำคลองงู อ.ทองผาภูมิ
วนอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นชื่อของลำห้วยซึ่งไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่ากัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูนกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนานจึงเกิดเป็นหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูจึงมีถ้ำหลายแห่งที่น่าเดินทางเข้าไปสำรวจความงดงาม เช่น

ที่มา https://blog.eduzones.com/savecyber/169911

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น